“New Normal” หรือ “ความปกติรูปแบบใหม่” น่าจะเป็นวลีที่คุ้นหูใครหลายคนเพราะมักจะได้ยินบ่อยๆ ในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อ Covid-19 แต่ที่จริงแล้ววลีนี้เกิดขึ้นและถูกพูดถึงเป็นครั้งแรกในปี 2008 โดย นาย Bill Gross นักลงทุนในตราสารหนี้ชื่อดังชาวอเมริกัน โดยใช้อธิบายถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอเกอร์ในสหรัฐฯ ช่วงระหว่างปี 2007-2009
New Normal เป็นคำที่ใช้ในธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ที่อ้างอิงถึงสภาวะทางการเงินตามวิกฤตการเงินในปี 2007-2008 และผลที่ตามมาของภาวะถดถอยทั่วโลกในปี 2008 – 2012 คำนี้ถูกนำมาใช้ในหลากหลายบริบทอื่น ๆ เพื่อบ่งบอกว่าสิ่งที่ผิดปกติก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดา
ที่มา : Wikipedia
ใครที่อยากรู้ความหมายของ New Normal ในบริบทที่เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Google เลยจ้า
ภาพถ่ายโดย Kaique Rocha จาก Pexels
แต่ ณ วันที่เชื้อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปหลายๆ ประเทศทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ “New Normal” หรือ “ความปกติรูปแบบใหม่” ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายว่า
สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ จะเกิดขึ้นและมันจะกลายเป็นเรื่องปกติหลังจากที่ Covid-19 หมดไป
อ่านแล้วก็อาจจะมีงงๆ กันบ้าง ขอยกตัวอย่างแบบนี้ดีกว่า
ตัวอย่างสิ่งที่คิดว่าจะกลายเป็น New Nomal
- การจัดคอนเสิร์ตของศิลปินนักร้องแทนที่แฟนเพลงจะรวมตัวกันดูคอนเสิร์ตแน่นขนัด ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นต่างคนต่างขับรถเข้ามาดูแทน อันนี้พอดีเห็นมีคนแชร์ภาพว่ามีศิลปินต่างประเทศคนหนึ่งทำแบบนี้แล้ว
- งานอีเว้นท์ต่างๆ ที่จัดในฮอลล์ เช่น งานหนังสือ, งานมือถือ, งานแสดงรถ ย้ายมาจัดแบบออนไลน์ อันนี้ก็มีบางงานทำแล้ว
- การสั่งสินค้าออนไลน์ รวมถึงการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ จะมากขึ้น
- หลายคนจะหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การใช้เจลล้างมือบ่อยๆ
- อาจจะมีการทำงานแบบ Work from Home บ่อยครั้งขึ้นในบริษัทหลายๆ แห่ง
สรุป
New Normal ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้หรือหลังจากที่ Covid-19 หมดไป ที่เห็นได้ชัดเลยน่าจะเป็นเรื่องของพฤติกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวันทั้งของเราและคนอื่นๆ ที่ผิดไปจากเมื่อก่อนที่เกิด Covid-19 แต่ท้ายสุดแล้วเราก็จะสามารถปรับตัวและยอมรับสิ่งเหล่านั้นได้จนมันกลายเป็นเรื่อง “ปกติ” ไปโดยปริยาย
ปล. บทความนี้เขียนมาจากความเข้าใจและความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียน ถ้ามีส่วนใดผิดพลาดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย และทุกท่านสามารถชี้แนะ พูดคุยหรือมาแชร์กันได้นะว่ามี “New Normal” อะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วบ้าง